วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


สุดยอด!!! ผักผลไม้เพื่อสุขภาพ






เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ ชนิด สำหรับคุณผู้หญิงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้

ลูกพรุน !!


เมื่อเอ่ยถึงลูกพรุนเชื่อเหลือเกินว่าใครหลายๆคนคงทำหน้างง นึกไม่ออกว่าเจ้าลูกพรุนนนี้มีหน้าตาและรสชาติอย่างไร และที่สำคัญมันมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนกับชีวิตคนเมืองอย่างเรา แต่สำหรับคนที่รู้จักถึงขั้นสนิทสนมกับลูกพรุนแล้ว รับรองว่าต้องยกให้เป็นที่หนึ่งในใจตลอดกาลเลยทีเดียว เอาล่ะค่ะเกริ่นเข้าข้างมาซะยาว เรามาทำความรู้จักกับลูกพรุนกันเลยดีกว่า

ลูกพรุนหรือลูกพลัมเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้จักและนิยมนำมารับประทานกันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือลักษณะที่นำมารับประทานมีทั้งรับประทานเป็นผลสด นำมาตากแห้ง ทำเป็นน้ำลูกพรุน และนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร ในปัจจุบันประเทศทางแถบเอเชียให้ความสนใจลูกพรุนมากขึ้นเนื่องจากคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานลูกพรุน และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มาจากลูกพรุน

แล้วอะไรอยู่ในลูกพรุนบ้าง ในลูกพรุนจะประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้ เหล็ก(Iron)เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าผู้หญิงเรานั้นในแต่ละเดือนต้องสูญเสียเลือดประจำเดือนไปเท่าไร ธาตุเหล็กจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆที่ขาดไม่ได้ ใครอยากมีเลือดฝาดอย่ามองข้ามลูกพรุน

วิตามิน B2(Riboflavin) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง กระบวนการสร้างช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะกับผิวหนัง เล็บและผม

แคลเซียม(Calcium) ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน รักษาระดับการเต้นของหัวใจ ช่วยระบบประสาทให้เป็นปกติ

วิตามิน C(Ascorbic Acid) สารต้านอนุมูลอิสระ(Anti-oxidant)เป็นส่วนประกอบพิเศษที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายเมื่อเซลล์ถูกทำลายโอกาสการเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น วิตามินcมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นการที่ลูกพรุนมี Anti-oxidantในปริมาณสูงจะช่วยทำให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลง และมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งน้อยลง มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น

วิตามิน E เป็น Anti-oxidant ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ช่วยยืดอายุของเม็ดเลือดแดงทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร

และที่จะลืมกล่าวถึงไม่ได้คือ ลูกพรุนนั้นอุดมไปด้วยกากใยหรือไฟเบอร์สูงมาก มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย บรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นประโยชน์ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตปัจจุบันที่ฝากไว้กับอาหารถุง ซึ่งแทบจะไม่มีอะไรที่เป็นกากใยเลย ลูกพรุนเป็นคำตอบที่ไม่น่ามองข้ามนะคะ

ทีนี้อาจมีคำถามตามมาว่า แล้วจะไปหาลูกพรุนทานได้จากที่ไหนดี ไม่ยากเลยค่ะ เพราะในปัจจุบันได้มีการนำลูกพรุนมาแปรรูปให้รับประทานกันได้ง่ายขึ้นเท่าที่เห็นวางขายมีทั้งแบบอบแห้ง แบบผสมในนมเปรี้ยว แบบเชื่อม แบบสกัดเข้มข้น แบบเป็นน้ำผลไม้ หรือจะเป็นส่วนผสมในขนมต่างๆ เช่น เค้กลูกพรุน คุกกี้ลูกพรุน เห็นไหมค่ะว่าหาทานง่ายแค่ไหน

อย่าให้เจ้าลูกพรุนเขาน้อยใจนะคะว่าอุตส่าห์ทำตัวให้หาทานง่ายๆแล้ว เรายังใจร้ายไม่ยอมลิ้มลองเขาอีก เพราะกล้าบอกได้เลยค่ะว่า ใครลองทานลูกพรุนแล้วติดใจกันทุกราย เพราะอะไรหรอคะ แหมอย่างนี้คงต้องย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ต้นใหม่แล้วค่ะ
ฉบับนี้เรามีสูตรน้ำลูกพรุนง่ายๆมาฝากกันอีกเช่นเคย ลองทำดูนะคะ ไม่ยุ่งยากเลย
ส่วนผสม- ลูกพรุนแห้ง 2 ผล
– น้ำตาลทราย พอสมควร
– เกลือป่น เล็กน้อย
– น้ำสะอาด 2 ลิตร
– น้ำแข็งทุบ พอสมควร
วิธีทำ1. นำลูกพรุนแห้งและน้ำตั้งไฟปานกลางจนเดือดสักครู่ น้ำจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน
2. ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นเล็กน้อย ชิมอย่าให้รสหวานมากเกินไป ถ้าใส่เกลือให้ใช้เพียงเล็กน้อยประมาณ 1 หยิบมือเท่านั้น (เพราะปกติการต้มน้ำผลไม้ตากแห้งมักไม่ใส่เเกลือ)
3. ยกลงจากเตาทิ้งไว้จนเย็น เวลาดื่มขณะอุ่นรสชาติเหมือนน้ำชาจีน
ขอขอบคุณ
นิตยสาร STAR FASHION Vol.184
คอลัมน์ HEALTHY CORNER
By: TAITY
หน้า 158-159

ส้ม !!



ส้มเป็นผลไม้ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น อิ่มอุดมสมบูรณ์ ดังที่ชาวจีนนิยมนำไปอวยพร กันในวันปีใหม่ มาดูกันว่ากินส้มเข้าไปแล้วจะดีอย่างไรดีกว่า เพราะส้มเป็นแหล่งของวิตามินซี (วิตามินซีนี้มีประโยชน์มาก) นอกจากนี้ยังมีเกลือแร่ วิตามินอื่นที่มีคุณค่าต่อร่างกายอีกหลายชนิด
วิตามินซีมีผลดีสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหวัด โรคภูมิแพ้ เป็นแผลติดเชื้อง่าย (ภาษากันเองๆ ก็คือพวกตื่นมาไม่จามก็คัดจมูกน้ำมูกไหลมีเสมหะ ให้กระแอมจนติดเป็นนิสัย เจ็บคอ เป็นแผลในปากบ่อยๆ ..อย่างนี้ค่อยเห็นภาพไหม) ภาษาชาวบ้านของว่าอาการเหล่านี้ว่า...น้ำเหลืองไม่ดี
เราลองมาดูกันหน่อยสิว่า วิตามินซีในส้ม รวมไปถึงวิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารต่างๆ ในส้มนั้นมีประโยชน์อะไรกันบ้าง
-                     ซึ่งถ้าสังเกต จะเห็นว่า คนเครียดง่ายๆ ก็มักมีอาการดังนี้เสมอ ค้นไปค้นมาจึงพบว่าความเครียด..ทำให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินทั้งหลายแหล่ออกมาได้ไม่เต็มที่ วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว และแอนตี้บอดี้เพื่อคุ้มกันต้านทานการแพ้จากธรรมชาติและการพิษ
-                     เป็นในวิตามินที่ต้านทานอนุมูลอิสระ สาเหตุของการเสื่อมของเซลล์เช่น ต้อกระจก หลอดลมอุดตัน ไขข้อ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มะเร็ง.. จำเป็นต่อการสร้างเนื้อเยื่อ กระดูก ฟัน มีส่วนในการสังเคราะห์คอลลาเจน ตัวที่ทำให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่นและกระชับ ป้องกันการเปราะบางของเส้นเลือดฝอย ทำให้แผลหายเร็ว ป้องกันเส้นเลือดขอด...
-                     นอกจากนี้ ยังรักษาโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ลดคอเลสเตอรอล เขียนเหมือนท่องจำมาอย่างนี้ดูไกลตัวพอๆ กับที่เคยท่องจำว่ารักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
เมนูส้ม
1.    วุ้นส้ม ใช้น้ำส้มทำวุ้นใสๆ แช่เย็นไว้อร่อยยามบ่าย
2.    ไอศกรีมส้มแบบอิตาเลียน แช่น้ำส้มจนเย็นจัด แล้วใช้มือกวนปั่นในถังทำไอติมให้แข็งแต่ยังเป็นเกล็ด
3.    แพนเค้กกลิ่นส้ม หยอดน้ำส้มเข้มข้นลงในแป้งแพนเค้กเล็กน้อย จะได้เปรี้ยวอ่อนแปลกลิ้น
4.    หวานเย็นส้ม ไสน้ำแข็งแล้วราดด้วยน้ำส้มเข้มข้น โรยหน้าด้วยองุ่นดำ
5.    ฟรุตสลัดเกล็ดส้ม ละลายน้ำส้มหั่นสับปะรด แอปเปิ้ล มะละกอใส่ลนเต็ม แช่เย็นเป็นเกล็ด
6.    ส้มซ่า ใช้โซดาชงน้ำส้ม
7.    ส้มเปรี้ยวมะนาวหวาน ชงน้ำส้มเทใส่ถาดน้ำแข็ง พอแข็งเป็นก้อนสี่เหลี่ยมลูกบาศก์แกะออก ใส่ถ้วยทรงสูง เติมน้ำมะนาวชงออกรสหวานใส่เสิร์ฟได้ตลอดวันที่ต้องการความสดชื่น

ฝรั่ง !!



กินฝรั่งวันละผล ไม่ต้องดิ้นรนไปหาหมอ

ฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี และวิตามิน เอ นั้น มีมากกว่ามะนาวถึง 4 เท่า ทำให้ฝรั่งมีคุณค่าในการสร้างความต้านทานโรคหวัดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้รับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วน เพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีความกรอบ เคี้ยวเพลิน และไม่เพิ่มน้ำหนัก คุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วิตามินเอ,วิตามินซี, B1,B2,แคลเซียม,ฟอสฟอรัส,นอกจากนี้ยังมีสารพวกเพคตินและแทนนิน (TANNIN) จำนวนมากด้วย สำหรับคุณประโยชน์ทางอาหารสรุปได้ดังนี้


วิตามินซีและวิตามินเอ 
ช่วยให้มีความต้านทานต่อโรคหวัดเพิ่มขึ้น บำรุงเหงือกและฟัน , ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

สารเพคติน (PECTIN) 
เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ท้องผูกได้ดี

สารแทนนิน (TANNIN)
มีฤทธิ์เป็นยาฝาดสมาน สามารถบรรเทาอาการท้องร่วงและห้ามเลือดได้ , ช่วยสมานแผลและบรรเทาอาหารเจ็บคอ นอกจากนี้ยังช่วยระงับกลิ่นปากและรักษาแผลเรื้อรังเช่น น้ำกัดเท้า และผื่นคันจากผิวหนังที่ถูกใบไม้คันได้ด้วย
ดังนั้น การกินฝรั่ง อาจจะทำให้น้องไปหาหมอด้วยโรคหวัดน้อยลง และทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารดังที่กล่าวมาแล้ว แต่การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และผักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้น้องไม่ต้องไปพบแพทย์ด้วย

กล้วยไข่ !!




ใครจะเชื่อว่า การรับประทานกล้วยหอม กลายเป็น
สูตรลดน้ำหนักสุดฮิต ที่สาวหนุ่มแดนซากุระแห่ทำตาม
จนแทบแย่งชิงกันเพื่อให้ได้กล้วยหอมมาครอบครอง หวังลดน้ำหนักได้เพรียวกันถ้วนหน้า 
สูตรลดน้ำหนัก  ที่ตกเป็นข่าวโจษขานเมื่อไม่นานมานี้ แนะนำให้ กินกล้วยหอม 1-2 ผล พร้อมกับน้ำในอุณหภูมิห้องในมื้อเช้า ส่วนมื้อกลางวันและเย็นสามารถกินได้ตามปกติ อาจจะเพิ่มอาหารว่างตอนบ่ายสาม สิ่งสำคัญคือ งดของหวานและเข้านอนก่อนเที่ยงคืน
“ในทางโภชนาการแล้ว สูตรดังกล่าวสามารถลดน้ำหนักได้จริง หากเป็นคนที่ไม่ทานอาหารเช้าเลย หรือทานอาหารเช้าที่หนักเกินไป”
 แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อธิบายความเป็นไปได้
กล้วยหอม 1 ลูก น้ำหนักประมาณ 100 กรัม (ไม่รวมเปลือก) จะให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี ในกรณีที่กินข้าวเช้าตามปกติ เช่น ข้าวมันไก่ 1 จาน ที่ให้พลังงาน 500 กิโลแคลอรี หากเปลี่ยนมากินกล้วยหอมเป็นมื้อเช้า ก็จะได้แคลอรีน้อยลง ในขณะเดียวกัน หากว่ากันตามสูตรก็จะให้กินพร้อมกับน้ำ ทำให้อิ่มเร็วขึ้น
สำหรับคนที่ไม่เคยกินข้าวเช้า นักโภชนาการบอกว่า สูตรนี้ช่วยได้อย่างมาก เนื่องจากจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ให้ได้รับอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่จำเป็นต่อร่างกายและสมอง
“ในสังคมปัจจุบัน คนเร่งรีบจนไม่กินอาหารเช้าหรือดื่มเพียงกาแฟ 1 แก้ว ซึ่งส่งผลต่อระบบการเผาผลาญในร่างกาย กล้วยหอมจะถือเป็นอาหารมื้อเช้า ที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ใน  ”กล้วย”  นอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์ ยังมีน้ำตาลทั้งกลูโคส, ฟลุกโตส และซูโคส ที่ช่วยเพิ่มพลังกายและสมอง ให้สามารถนำไปใช้ได้เลย ทำให้นักโภชนาการมองว่า สูตรลดน้ำหนักด้วยกล้วยนี้ จะเป็นที่นิยมนานกว่าสูตรอื่น เนื่องจากเป็นสูตรที่ง่าย ราคาไม่แพง แถมยังอร่อย ทำให้คนไม่ฝืนใจกิน ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้กับกล้วยประเภทอื่น ได้ไม่ว่าจะเป็นกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่
นอกจากรับประทานกล้วยแล้ว ข้อห้ามเกี่ยวกับของหวานและการนอน ก็เป็นปัจจัยเสริมที่ดี น.ส.แววตาชี้ว่า ของหวานเป็นอุปสรรคสำคัญในการลดน้ำหนัก ขณะที่การจัดเวลาของว่างช่วงบ่ายสามโมงก็ถือว่าดี จากเดิมที่คนไทยกินของว่างไม่เป็นเวลา ก็จะช่วยให้นาฬิการ่างกายเรียนรู้ และปรับระบบเผาผลาญในช่วงเวลานั้น ส่วนการนอนก่อนเที่ยงคืน ก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบเผาผลาญได้อีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ดี นักโภชนาการแนะนำว่า สูตรนี้เหมาะกับคนที่ไม่รับประทานอาหารเช้า หรือรับประทานอาหารเช้าที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ผู้ที่ไม่ควรลิ้มลองคือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคไต เนื่องจากกล้วยมีน้ำตาลและโปแตสเซียมสูง ในขณะที่ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพอยู่แล้วก็ไม่จำเป็น อาทิเช่น คอร์นเฟลกกับนม, ข้าวกับแกงจืดตำลึง หรือ ข้าวกับไก่ผัดขิง เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน สูตรลดน้ำหนักนี้ก็ไม่เหมาะกับเด็กวัยเรียน เนื่องจากเด็กวัยนี้ต้องการโปรตีนในช่วงเช้าเพื่อเป็นแหล่งพลังงานระหว่าง วัน โดยนักโภชนาการแนะว่า หากต้องการลดน้ำหนัก อาจจะปรับสูตร เช่น กล้วยกับหมูปิ้ง กล้วยกับไข่ต้ม หรือกล้วยกับชีสแบบไขมันต่ำ
นักโภชนาการยังบอกด้วยว่า ไม่เฉพาะแต่กล้วยที่สามารถนำไปใช้เป็นสูตรลดน้ำหนักได้ ผลไม้อื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยดูจากผลไม้ที่ไม่หวานมาก ไม่หนักแป้ง และกินได้ง่าย เช่น แอ๊ปเปิ้ล แคนตาลูป หรือแตงโม เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ก็ควรหลีกเลี่ยงทุเรียน, ขนุน ที่หวานจัดหรือผลไม้ที่เป็นกรดเช่น สับปะรด
สิ่งสำคัญที่ต้องย้ำ เตือนทุกคนคือ กล้วย 1 ใบ ไม่ใช่อาหารมหัศจรรย์ที่จะทำให้คนเราผอม สวย สุขภาพดี เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ แต่กล้วยจะเป็นจุดเริ่มต้น ให้คนหันมารับประทานอาหารเช้าซึ่งเป็นมื้อสำคัญ และเพิ่มสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ในมื้ออื่นของวัน และต้องออกกำลังกายให้สมดุลกับอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวัน เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีต่อไป”  น.ส.แววตา นักโภชนาการกล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณที่มาบทความจาก  www.ladytip.com

แอปเปิ้ล !!


แอปเปิ้ล…แอปเปิ้ล…แอปเปิ้ล… ถ้าเกิดใครกำลังหาอาหารลดน้ำหนักที่เป็นผลไม้อยู่ล่ะก็ คงหนีไม่พ้นแอปเปิ้ลเป็นแน่แท้ เพราะอะไรล่ะ? ก็เพราะมันเป็นถึง “ราชาของผลไม้ลดน้ำหนัก” และก็มีรสชาติที่อร่อย หอม หวาน ถูกปากใครหลายๆคน นอกจากนี้การนำแอปเปิ้ลมาเป็นส่วนประกอบในอาหารลดน้ำหนักจำพวกสลัดย่อมส่งผลดีกับคุณทั้งในด้านรสชาติ และคุณประโยชน์อีกด้วย


 แอปเปิ้ลมีดีอะไร?..แอปเปิ้ลนั้นมีแป้งและน้ำตาลที่อยู่ในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 3/4 ของทั้งหมด ซึ่งถ้ามีแป้งกับน้ำตาลเยอะมันจะมาช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร.. คุณอย่าลืมว่าแป้งและน้ำตาลเหลือนั้นมันเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวซึ่งแค่ช่วงเวลาไม่ถึง 10 นาทีนั้น
ร่างกายของคุณจะดูดซึมไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ระหว่างที่คุณกำลังอยู่ในช่วงลดความอ้วนนั้นไม่ต้องทรมานหรือตาลายไปกับการอดอาหาร และด้วยเหตุผลนี้เองก็ทำให้ความสามารถในการรับประทานอาหารในแค่ละมื้อของคุณนั้นลดตามไปด้วย


 แอบเปิ้ลมีอะไรดีอีก?.. แน่นอนว่าแอปเปิ้ลนั้นไม่ได้มีดีแค่ทำให้คุณอิ่มท้องไปวันๆเพราะมันเป็นถึง “ราชา” ซึ่งราชาก็ต้องมีความสามารถรอบด้านแน่นอน(ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่นะ ^ ^”) นั่นก็คือแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในการรักษาค่อนข้างหลากหลาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส นั่นเพราะแอปเปิ้ลมีสารสำคัญต่างๆนั่นคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งผลจากการทดลองรับประทานแอปเปิ้ล 2-3 ลูกต่อวันเป็นเวลาหนึ่งเดือนนั้น ส่งผลให้คอเลสเตอรอลในเลือกลดลงมากกว่า 10% เลยทีเดียว

การรับประทานแอปเปิ้ลเพื่อลดน้ำหนัก.. การที่คุณจะรับประทานแอปเปิ้ลเป็นหนึ่งในอาหารลดน้ำหนักของคุณนั้น คุณต้องรับประทานทั้งเปลือกเพราะถ้าคุณปลดเปลือกไปแล้วสารสำคัญต่างๆก็จะลดน้อยลงไปด้วย เช่นเดียวกันถ้าหากคุณอยากจะดื่มน้ำแอปเปิ้ล วีธีที่เหมาะสมนั้นก็คือการปั่นพร้อมเปลือกนั่นเอง เพราะการคั้นเอาแต่เพียงน้ำนั้นคุณจะได้รับน้ำตาลมาแบบเต็มๆซึ่งแน่นอนว่าคุณจะอ้วนขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย


แอปเปิ้ลนั้นมีอยู่ 4 สีซึ่งแต่ละสีก็มีประโยชน์คล้ายๆกันแต่ต่างกันอยู่บ้างดังนี้

  1. แอปเปิ้ลแดง - มีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพคือมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นอีกด้วย
  2. แอปเปิ้ลเขียว – มีรสเปรี้ยวอมหวานมากกว่าแอปเปิ้ลสีอื่นๆ เป็นสีที่ดีที่สุดในการใช้เป็นอาหารลดน้ำหนัก เพราะมีน้ำตาลน้อยและยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี
  3. แอปเปิ้ลชมพู – มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอ๊ปเปิ้ลด้วยกัน ซึ่งสารฟิโนลิกนี้จะช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
  4. แอปเปิ้ลเหลือง – มีประโยชน์ต่างจากสีอื่น ๆ โดยมีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก